เนื้อเรื่องย่อ
บทสุดท้ายของพี่จิ๊กคราวนี้ก็เป็นการสรุปเรื่องล่ะครับ ว่าในที่สุดแล้วเจ้าหน้าที่มาร์ค ฮอฟฟ์แมน (Costas Mandylor) ผู้ช่วยสุดอำมหิตของพี่จิ๊กซอว์แกจะได้รับผลลงเอยอย่างไร, จิลล์ ทัค (Betsy Russell) ภรรยาของพี่จิ๊กจะสามารถเอาตัวรอดจากเรื่องทั้งหมดไปได้ไหม แล้วหนังก็ยังมีเรื่องของบ็อบบี้ ดาเก้น (Sean Patrick Flanery) ชายที่อ้างว่าตัวเองเคยผ่านกับดักของจิ๊กซอว์มาก่อน แล้วก็เอาเรื่องมาเขียนมาขายจนมีชื่อเสียงโด่งดัง มีเงินทองล้นเหลือ
แต่ปัญหาคือเรื่องที่เขาเล่าทั้งหมดมันไม่ใช่ความจริงน่ะสิครับ เขาแค่เป็นพวกเกาะกระแสให้ตัวเองดังเท่านั้น และนั่นทำให้จิ๊กซอว์ไม่พอใจอย่างแรง เขาเลยทิ้งมรดกแห่งความโหดให้บ็อบบี้กับพรรคพวกต้องเจอกับบทเรียนที่แสนน่ากลัวแบบที่เขาเองก็ไม่เคยจินตนาการถึงภาคนี้ออกจะอ่อนสุดครับ ทั้งที่จริงๆ ถ้าเล่าเรื่องดีๆ จัดระเบียบการเล่าให้มันมีความหวือหวาน่าติดตาม แล้วก็ใส่รายละเอียดลงไปอีกเยอะหน่อยหนังน่าจะเป็นบทสรุปที่น่าพอใจได้ แต่ตัวหนังกลับไม่ค่อยจะเหลือความซับซ้อนใดๆ แทบจะไม่มีอะไรหักมุมเพราะหนังเล่าแบบตรงๆ ไม่ว่าเรืองระหว่างฮอฟฟ์แมนกับ จิลล์ ทัค ที่จบง่ายกว่าที่คิด หรือเรื่องของบ็อบบี้ที่ไม่มีอะไรพลิกผัน ถ้าจะมีอะไรหักมุมก็เป็นการหักในตอนท้ายน่ะครับ แต่ก็ไม่ใช่อะไรเกินคาดหมายแต่อย่างใด เพราะหนังเล่นบอกใบ้อะไรบางอย่างแบบค่อนข้างชัดเจนตั้งแต่ซีนแรกๆ ทำให้เราคิดเดาตามได้ไม่ยากเลย
ด้านการสอนวิชาชีวิตด้วยเลือดนั้น คราวนี้พี่จิ๊กเหมือนจะไม่ได้เน้นอะไรนัก แต่ออกแนวสั่งสอนให้ตายมากกว่าจะสอนให้มีชีวิต ซึ่งก็กัดคนที่หวังดังด้วยการเกาะกระแสได้ในระดับหนึ่งครับ อย่างคนรอบตัวของบ็อบบี้นั้นก็ถือว่าสมรู้ร่วมคิดกันทำสิ่งผิดจริงๆ ไม่ว่าจะพีอาร์ที่ตั้งหน้าแต่จะสร้างกระแสความดัง หรือเพื่อนที่เห็นเพื่อนทำผิดแล้วก็เออออห่อหมก คิดแต่จะเอาเงินมาใช้อย่างเดียว
จริงที่คนเหล่านี้โทษไม่ถึงตายครับ แต่หนังก็สะท้อนมุมมองในแบบของพี่จิ๊กซอว์เหมือนกันว่าเขาเห็นอะไร เขาเห็นว่าการปล่อยให้คนพากันทำอะไรผิดเล็กๆ น้อยๆ ต่อไปเรื่อยๆ หากเขาไม่คิดจะกลับใจหรือไม่สำนึกกันเลย ในที่สุดคนทำผิดนิดหน่อยก็จะพากันทำความผิดที่ใหญ่กว่า ใหญ่กว่า และใหญ่ไปเรื่อยๆ
แล้วหากทุกคนพลอยเป็นแบบนี้ไปหมดล่ะ… สังคมก็จะค่อยๆ มีมาตรฐานใหม่ในเรื่องความผิดครับ ความผิดในสมัยก่อนอาจกลายเป็นเรื่องปกติในสมัยนี้ และความผิดแรงๆ ในสมัยนี้ก็จะกลายเป็นความผิดขั้นสามัญในสมัยต่อไป… เหมือนขยะที่กองอยู่ใต้เท้าน่ะครับ เราอาจฝังมัน ฝังมัน ฝังมัน แต่หลายปีผ่านไปค่อยมารู้ว่าขยะใต้เท้าเรามันหนาเป็นเมตรๆ ไปซะแล้ว แต่เราไม่เคยรู้เลย เอาแต่คิดไว้พื้นมันสูงขึ้นเรื่อยๆ เท่านั้น (ทั้งที่มันสูงด้วยขยะ) หรือ “พินัยกรรม” อีกหนึ่งของพี่จิ๊กที่สั่งให้จัดการขจัดความผิดพลาดที่เขาได้เริ่มทำเอาไว้ ก็ถือว่าพี่แกรับผิดชอบในแบบของแกเหมือนกัน
แสดงความคิดเห็น